ในประเทศไทย มีกฎหมายและมาตรฐานที่ควบคุมเรื่องความปลอดภัยจากอัคคีภัยในอาคาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุเพลิงไหม้ ข้อกำหนดเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ กฎกระทรวง ที่ออกตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งมีการปรับปรุงและอัปเดตมาตรฐานตามความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความปลอดภัย โดยสรุปข้อกำหนดเกี่ยวกับระบบป้องกันอัคคีภัยในอาคารมีดังนี้:
1. ข้อกำหนดเกี่ยวกับอาคารที่ต้องติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย
- อาคารสูง (เกิน 23 เมตร)
- อาคารขนาดใหญ่พิเศษ (พื้นที่ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป)
- อาคารสาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงแรม โรงพยาบาล และอาคารที่มีคนเข้าใช้บริการจำนวนมาก
2. มาตรฐานการติดตั้งระบบตรวจจับและแจ้งเตือนอัคคีภัย- ระบบตรวจจับควันและความร้อน: ต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควันหรือความร้อนในทุกชั้นของอาคาร และในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้
- ระบบแจ้งเตือน (Fire Alarm System): ระบบแจ้งเตือนจะต้องมีทั้งการแจ้งเตือนแบบเสียงและแสงเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถทราบได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเพลิงไหม้
- ป้ายบอกทางหนีไฟ: ติดตั้งป้ายบอกทางออกฉุกเฉินและไฟสำรองเพื่อช่วยให้ผู้ใช้อาคารสามารถอพยพออกมาได้อย่างปลอดภัย
3. ข้อกำหนดเรื่องระบบดับเพลิงในอาคาร- ระบบสปริงเกอร์ (Sprinkler System): อาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษจะต้องมีระบบสปริงเกอร์ในบริเวณที่มีความเสี่ยงเพื่อควบคุมการลุกลามของไฟ
- อุปกรณ์ดับเพลิงแบบพกพา (Fire Extinguishers): ต้องมีถังดับเพลิงติดตั้งในบริเวณต่าง ๆ ของอาคารในระยะที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยถังดับเพลิงควรได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำ
- ระบบท่อน้ำดับเพลิง (Fire Hose): ในอาคารขนาดใหญ่ควรติดตั้งท่อส่งน้ำพร้อมหัวจ่ายน้ำในแต่ละชั้น และต้องเชื่อมต่อกับแหล่งน้ำสำรองเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างเพียงพอในกรณีเกิดเพลิงไหม้
4. การติดตั้งระบบไฟสำรอง- ระบบไฟสำรองสำหรับแสงสว่างและป้ายทางออกฉุกเฉินจะต้องติดตั้งให้สามารถทำงานต่อเนื่องได้ในกรณีไฟฟ้าดับ เพื่อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถอพยพออกจากอาคารได้อย่างปลอดภัย
5. ข้อกำหนดเกี่ยวกับทางหนีไฟและบันไดหนีไฟ- อาคารสูง อาคารสาธารณะ หรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ จะต้องมีทางหนีไฟและบันไดหนีไฟเพียงพอต่อการอพยพผู้คนออกจากอาคารในกรณีฉุกเฉิน โดยทางหนีไฟต้องมีการติดตั้งป้ายบอกทางที่ชัดเจนและไม่ถูกขัดขวางเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก
6. การบำรุงรักษาและตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย- ระบบและอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยทุกชนิดต้องได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น การตรวจสอบถังดับเพลิง ระบบสปริงเกอร์ ระบบตรวจจับควัน และระบบไฟสำรอง โดยทั่วไปจะมีการกำหนดให้ตรวจสอบทุก 6 เดือนหรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
7. การฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ- ในอาคารขนาดใหญ่และอาคารสาธารณะจะต้องมีการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟเพื่อให้ผู้ใช้อาคารทราบถึงวิธีการอพยพและสถานที่รวมตัว โดยการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟควรทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
8. การตรวจรับรองมาตรฐานความปลอดภัย- การก่อสร้างและติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยในอาคารต้องได้รับการตรวจสอบและรับรองจากวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตตามมาตรฐานความปลอดภัยของสำนักงานโยธาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปกฎหมายควบคุมอาคารในเรื่องระบบป้องกันอัคคีภัยมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้และเพิ่มความปลอดภัยในอาคาร ดังนั้นผู้ประกอบการและผู้ดูแลอาคารจึงควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและตรวจสอบให้มั่นใจว่าอาคารมีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและทรัพย์สิน