1. ทำไมต้องขอลิขสิทธิ์เพลงสากล?
จริงๆ เเล้วมันก็ไม่ใช่เฉพาะแค่กับเพลงสากลเท่านั้น แทบจะทุกเพลงเลยก็ว่าได้ แต่ในบทความนี้เราจะบอกกล่าวใน มุมมองลิขสิทธิ์ของเพลงสากล การใช้เพลงสากลในธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งมี ผลกระทบทั้งทางกฎหมายและชื่อเสียงของธุรกิจ โดยเฉพาะเพลงสากลซึ่งมักมีผู้ถือสิทธิ์หลากหลาย เช่น ศิลปิน นักแต่งเพลง และค่ายเพลง การขออนุญาตใช้เพลงจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าการใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้อง
ประโยชน์ของการขอลิขสิทธิ์เพลงสากล
สร้างความมั่นใจว่าธุรกิจของคุณปฏิบัติตามกฎหมาย
ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดึงดูดลูกค้า
สนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงานเพลงของศิลปิน
2. ขั้นตอนการขอลิขสิทธิ์เพลงสากล
2.1 ระบุประเภทการใช้งานเพลง
ก่อนเริ่มกระบวนการขอลิขสิทธิ์ คุณต้องระบุประเภทการใช้งานเพลง เช่น การระบุประเภทการใช้งานช่วยให้คุณสามารถติดต่อหน่วยงานหรือผู้ถือสิทธิ์ได้อย่างตรงจุด
2.2 ติดต่อหน่วยงานจัดการลิขสิทธิ์
สำหรับเพลงสากล โดยส่วนใหญ่จะมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ในระดับสากลหรือระดับประเทศ
ตัวอย่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
PRS for Music (UK): ดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในสหราชอาณาจักร
ASCAP/BMI (USA): บริษัทจัดการลิขสิทธิ์ในสหรัฐอเมริกา
APRA AMCOS (Australia): องค์กรจัดการลิขสิทธิ์หรือกลุ่มลิขสิทธิ์
หากคุณอยู่ในประเทศไทย คุณสามารถติดต่อผู้ให้บริการเพลงที่เป็นตัวแทนของศิลปินสากล เช่น BCM Music Systems ซึ่งให้บริการเพลงลิขสิทธิ์ในเชิงพาณิชย์
2.3 เลือกแพ็กเกจหรือใบอนุญาตที่เหมาะสม
หน่วยงานลิขสิทธิ์มักเสนอใบอนุญาตหลายประเภท เช่น
ใบอนุญาตแบบรายเดือนหรือรายปี
แพ็กเกจที่ครอบคลุมเพลงจากหลากหลายค่าย
คุณควรเลือกแพ็กเกจที่เหมาะกับขนาดธุรกิจและลักษณะการใช้งาน
2.4 ตรวจสอบและชำระค่าลิขสิทธิ์
หลังจากเลือกใบอนุญาตที่ต้องการ คุณจะต้องตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งานและชำระค่าลิขสิทธิ์ให้ เรียบร้อย จากนั้นจะได้รับสิทธิ์ในการใช้เพลงอย่างถูกต้อง
3. ข้อควรระวังในการขอลิขสิทธิ์เพลงสากล
อย่าใช้เพลงฟรีที่ไม่ทราบแหล่งที่มา
เพลงบางเพลงที่ดูเหมือน "ฟรี" อาจมีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ทำให้การใช้งานกลายเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ระวังเพลง Cover หรือ Remix
การใช้เพลงในรูปแบบ Cover หรือ Remix ยังคงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงต้นฉบับ
อ่านสัญญาอย่างละเอียด
ตรวจสอบว่าสัญญาอนุญาตครอบคลุมการใช้งานที่คุณต้องการจริงหรือไม่
4. บริการเพลงลิขสิทธิ์เชิงพาณิชย์
หากคุณต้องการความสะดวกและการดูแลที่ครบวงจร คุณสามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการเพลงลิขสิทธิ์ เช่น
Swish Hospitality : บริการเพลงสำหรับธุรกิจพร้อมใบอนุญาต
ทางผู้เขียนจึงการทำตารางสรุปข้อเปรียบเทียบมาให้คุณผู้อ่านได้ดู
ถึงความต่างระหว่างการขออนุญาตเรื่องลิขสิทธิ์เพลงสากล กับ เพลงไทย
การขอลิขสิทธิ์เพลงสากล: ดูเหมือนจะเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการมีเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างชาติ และอยากใช้เพลงที่มีชื่อเสียง เช่น โรงแรมระดับนานาชาติหรือร้านอาหารชั้นนำ การขอลิขสิทธิ์เพลงไทย: เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเพลงเข้าถึงง่าย เน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทย คนท้องถิ่น เช่น ร้านอาหารไทยหรือคาเฟ่
การเลือกขอลิขสิทธิ์เพลงควรพิจารณากลุ่มลูกค้าเป็นหลัก และควรตรวจสอบข้อกำหนดของลิขสิทธิ์ให้รอบคอบเพื่อลดความยุ่งยากในระยะยา
@kupmaxap Editor : Apisit Srisilarak Job position : Marketing Highsolution |