wifi ใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สาเหตุเกิดจากอะไร ?

wifi ใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สาเหตุเกิดจากอะไร ?

ปัญหาเน็ตหลุด เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุสำคัญมักเกิดจากการที่เราใช้ช่องสัญญาณผิด ซึ่งช่องสัญญาณในปัจจุบัน คือ 2.4GHz และ 5GHz ถือเป็นช่องรับสัญญาณที่มีคลื่นความถี่แตกต่างกัน โดยคลื่นความถี่ 2.4GHz เหมาะกับการเล่นอินเทอร์เน็ตทั่วไป รวมถึงสามารถให้สัญญาณที่ครอบคลุมกว่า สำหรับ 5GHz จะเป็นคลื่นความถี่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า สามารถให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูง อีกทั้งยังเข้าถึงผู้ใช้งานได้ในวงกว้าง  ซึ่งถ้าใครใช้งานอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานเยอะ จะก่อให้เกิดปัญหาการแย่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตกัน ทำให้ ความเร็วอินเตอร์เน็ต ช้าลง และเน็ตหลุดได้ง่ายขึ้น

1. เช็กหน่วยความจำ (RAM)


ก่อนที่จะหาสาเหตุของเน็ตหลุด อันดับแรกต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสเปคของหน่วยความจำ หรือแรม (RAM) ก่อน ว่ามีหน่วยความจำเท่าไหร่? รวมถึงเม็มโมรี (Memory) เนื่องจากหากหน่วยความจำมีน้อย หรือใกล้เต็มแล้ว จะทำให้ความเร็วเน็ตช้ากว่าที่ควรจะเป็น เราจึงควรมาเช็คแรมของอินเตอร์เน็ตแบบง่าย ๆ  สำหรับมือถือ ให้เข้าเมนู “ตั้งค่า” เลือก “RAM หรือหน่วยความจำ” เมนูนี้จะแสดงให้เราเห็นว่าหน่วยความจำ (RAM) สามารถจุได้กี่ GB (กิกะไบต์) เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ PC  และโน้ตบุ๊ก เราสามารถเช็กโดยพิมพ์ “About” ตรงเมนู Start เพียงแค่นี้ก็จะแสดงหน่วยความจำ RAM ของเครื่องว่ามีความจุเท่าใด และใช้ได้เท่าไหร่?

 

2. ดูระยะห่างจุดวาง Router ว่าไกลไปไหม


หลายคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตแบบ WiFi มักจะลืมสำรวจจุดติดตั้ง Router ว่าไกลจากเครื่องหรือไม่? เนื่องจากการวางตำแหน่ง Router ที่ไม่ถูกต้อง หรือห่างไกลจากเครื่องคอมพิวเตอร์มากเกินไป จะเป็นสาเหตุที่ทำให้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ล้มเหลว ดังนั้นตำแหน่งการติดตั้ง Router จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

เราลองมาดูกันว่า ติดตั้ง Router ตรงไหนของบ้าน? ถึงจะทำให้สัญญาณ Wi-Fi  ดีสุด

  • ติดตั้ง Router ในจุดที่สูงที่สุดของบ้าน เพื่อให้เกิดการครอบคลุมสัญญาณมากที่สุด เนื่องจาก Router จะทำการกระจายสัญญาณ จากด้านบนสู่ล่างนั่นเอง

  • วางตำแหน่งใจกลางบ้าน เนื่องจากการวางที่จุดศูนย์กลาง จะทำให้สามารถกระจายสัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงห้ามวางไว้ที่มุมบ้านเด็ดขาด!

  • หลีกเลี่ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะรบกวนสัญญาณของ Router ในคลื่นความถี่ 2.4 GHz โดยเฉพาะไมโครเวฟ 

  • ปรับเสาอากาศในทิศทางต่าง ๆ ทุกทิศทาง จะช่วยควบคุมสัญญาณ Wi-Fi ให้ดีขึ้น ดังนั้น เราจึงควรปรับทิศทางของเสาอากาศ ทั้งแนวตั้งและแนวนอน


3. ดูจำนวนคนใช้งาน Internet ในช่วงนั้น เยอะไหม


สำหรับใครที่นิยมใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พร้อมกันหลาย ตัวอย่างเช่นการใช้สมาร์ทโฟน, iPad, สมาร์ททีวี และอุปกรณ์อื่น ๆ พร้อมกัน อาจจะเจอกับปัญหาเน็ตหลุดบ่อยๆ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ต่างต้องใช้ Wi-Fi และเชื่อมต่อพร้อมกัน จึงทำให้การส่งสัญญาณ Wi-Fi เป็นไปอย่างช้า ๆ จนสัญญาณขาดหายไป ซึ่งการแก้ไขทำได้ด้วยการจำกัดการใช้งาน โดยใส่รหัสเพื่อล็อกสัญญาณ Wi-Fi นั้นเอง จากนั้น เราก็สามารถ ทดสอบ ความเร็ว เน็ต ได้เลย ที่สำคัญ เราควรเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยคลื่นความถี่ 5 GHz แทน 2.4 GHz เพื่อเลี่ยงความหนาแน่นของสัญญาณ ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาอินเตอร์เน็ตช้าได้

4. สอบถามเครือข่าย Wi-Fi ที่ใช้งาน


หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ เน็ตหลุดง่ายมักเกิดจากเครือข่าย Wi-Fi ที่ใช้งานล่มนั่นเอง หากใครอยากลองเช็คสถานะของสัญญาญว่าดีหรือไม่? เราสามารถทำได้ โดยการคลิก Start พิมพ์ CMD กด Enter แล้ววางข้อความ “netsh wlan show interfaces” จากนั้นกด Enter ก็จะแสดงสถานะของ ความเร็ว เน็ต ว่ามี “สัญญาณ” (signal) กี่เปอร์เซ็นต์ วิธีนี้ถือเป็นการเช็กความแรงของสัญญาณ ซึ่งถ้าเช็กแล้วได้ 100% เราก็จะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำกิจกรรมที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เช่น การสตรีมเกมออนไลน์ วิดีโอแชต การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ เป็นต้น แต่ถ้าสัญญาณมีประมาณ 50% จะเหมาะกับการใช้งานที่ไม่ต้องการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง

5. ตรวจดูเครื่องแล้วกด Re-Start


ปัญหาอินเตอร์เน็ตช้า หรือสัญญาณล่ม นอกจากจะมีสาเหตุมาจากการที่อุปกรณ์ส่งสัญญาณ หรือสัญญาญอินเตอร์เน็ตไม่ดีแล้ว อาการ “คอมพิวเตอร์ค้าง” ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ เน็ตหลุด ได้เช่นเดียวกัน วิธีการเช็กเครื่องง่าย ๆ ให้เราลองปิดสัญญาณ Router และโมเด็ม (Modem) จากนั้นให้ดึงปลั๊กคอมพิวเตอร์ออก รอประมาณ 30 วินาที แล้วจึงค่อยกด “รีสตาร์ท” เพื่อเชื่อมต่อโมเด็ม และเปิด Router ใหม่อีกครั้ง เพื่อเป็นการ Reset ระบบ ให้กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง อินเตอร์เน็ตก็จะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

 


Editor : Puthon Muangyoo


 
 

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy