การติดตั้งระบบ internet Optic LAN ในโรงแรมต้องพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง?

การติดตั้งระบบ internet Optic LAN ในโรงแรมต้องพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง?

  31 October 2024

การติดตั้งระบบ Internet Optic LAN ในโรงแรมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับเจ้าของธุรกิจโรงแรม เพราะสามารถมอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วและมีเสถียรภาพให้กับผู้เข้าพักได้อย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม การติดตั้งระบบเครือข่ายแบบใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) ในโรงแรมต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการเพื่อให้แน่ใจว่าเครือข่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของโรงแรม

5 สิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดี ก่อนเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติก

1.เลือกประเภทของสายไฟเบอร์ออฟติกที่เหมาะกับการใช้งานของเรา


สำหรับสายไฟเบอร์ออฟติกนี้ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถแบ่งออกได้ถึง 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ สายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode และ สายไฟเบอร์ออฟติก ชนิด Multi Mod ซึ่งจะมีท่อแก้วภายนอก (Cladding) และส่วนที่เป็นท่อแก้วภายในที่จะคอยทำหน้าที่ลำเลียงสัญญาณ (Core) แม้ว่าส่วนประกอบของสายทั้ง 2 ชนิดจะมีความเหมือนกัน แต่ได้มีการแบ่งขนาดของ Core ที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะมีผลต่อความเหมาะสมในการใช้งาน เนื่องจากการ ที่สัญญาณลำเสียงไปไม่เหมือนกัน โดยสายไฟเบอร์ออฟติกทั้ง 2 ประเภทจะมีคุณสมบัติเด่น ๆ ที่แตกต่างกัน ดังนี้

สายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode สายชนิดนี้จะมีแกนกลางขนาดเล็กและส่งข้อมูลด้วยแสงเพียงหนึ่งโหมด โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางของแกนท่อแก้ว (Core) ที่มีขนาดเล็ก 9 ไมครอน ทำให้แสงนั้นเดินทางค่อนข้างตรง ซึ่งจะช่วยให้สามารถส่งข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และไกลได้หลาย 10 กิโลเมตรเลยทีเดียว มีความยาวคลื่นแสงอยู่ที่ 1310 - 1550 nm. เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงและระยะทางไกล อย่างเช่น การใช้งานในโครงข่ายสัญญาณสำหรับการเชื่อมต่อกับสถานีหลักของระบบสื่อสาร หรือการเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูล


สายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Multi Mode สายชนิดนี้จะมีแกนกลางที่ใหญ่กว่าและสามารถส่งข้อมูลด้วยแสงหลายโหมดพร้อมกัน มีเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อแก้ว (Core) อยู่ที่ 50 และ 62.5 ไมครอน ซึ่งจะทำให้แสงมีการเดินทางที่กระจาย ส่งผลให้เกิดการหักล้างของแสง สามารถส่งข้อมูลได้สั้นกว่า มีความยาวคลื่นที่ใช้ส่งข้อมูลอยู่ที่ 850 - 1300 นาโนเมตร (nm) เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการส่ง ข้อมูลในระยะสั้นถึงปานกลาง อย่างเช่น การใช้งานภายในอาคารหรือระหว่างอาคารที่อยู่ใกล้เคียงกัน การใช้ส่งสัญญาณภายในอาคารที่ไม่ต้องการเดินสายในระยะทางที่ไกล


2.ประเมินความต้องการใช้งาน Banwidth


Bandwitdh (แบนด์วิตท์) คือปริมาณการรับส่งข้อมูล (Data-Transfer) เป็นสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องพิจารณาเมื่อเลือกติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติก เพราะปริมาณข้อมูลที่ต้องการส่งผ่านและความเร็วในการ รับส่งข้อมูลนั้นมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของเครือข่ายที่เราใช้งาน

หากการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกของเรานั้นต้องการ Bandwidth ที่สูง อย่างเช่นต้องการสตรีมมิ่งวิดิโอความละเอียดสูงที่ต้องการความเร็วในการส่งข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้ภาพและเสียงนั้นมีความคมชัดหรือการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่มีการรับส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่องและต้องการความเสถียรสูง การเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า เนื่องจากสามารถรองรับ Bandwidth ได้สูงและสามารถส่งข้อมูลได้ในระยะไกลโดยมีการสูญเสียสัญญาณ (ค่า Loss) ที่ต่ำมากนั่นเอง 

3.ประเมินระยะทางที่ต้องการติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติก


ระยะทางในการติดตั้งนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกโดยตรง เนื่องจากระยะทางสามารถส่งผลต่อการสูญเสียสัญญาณและประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลนั่นเอง โดยสำหรับสายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Multi Mode สามารถส่งข้อมูลได้ไม่เกิน 500 เมตร ถึง 2 กิโลเมตร เหมาะกับการใช้งานที่ไม่ไกลมากนักอย่างเช่นการสื่อสารในระยะสั้นภายในตึกหรือระหว่างอาคารในขณะเดียวกันนั้นสำหรับสายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode จะสามารถส่งข้อมูลได้ในระยะไกลกว่า สามารถส่งข้อมูลได้ในระยะ 5 - 120 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้ตัวขยายสัญญาณข้อมูล ทำให้เหมาะ กับการส่งข้อมูลระหว่างเมืองหรือระหว่างศูนย์ข้อมูลนั่นเอง

4.ควรเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกที่ได้รับมาตรฐาน มอก.


การเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกที่ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย หรือ มอก. เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราควรพิจารณาเลยทีเดียว เนื่องจากสามารถหมายถึงการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์สายไฟเบอร์ออฟติกนั้นได้ผ่านการทดสอบและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยมีคุณภาพและความปลอดภัยที่เหมาะสมต่อการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถช่วยในการลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาที่อาจจะเกิดจากการใช้สายไฟเบอร์ออฟติกที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การสูญเสียสัญญาณ ความเสียหายที่เกิดจากการดัดงอของสาย หรืออาจจะเกิดการเสื่อมสภาพของสายไฟเบอร์ออฟติกก่อนเวลาอันสมควรได้เช่นเดียวกันโดยสัญลักษณ์ มอก. ที่เราควรมองหาในสายไฟเบอร์ออฟติก นั้นก็คือ มอก. 2165 - 2561 และ มอก. 2166 - 2548 ที่เป็นเลขที่มาตรฐานของเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมนั่นเอง 

5.เลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติกคุณภาพโดยตรง


การใช้บริการสายไฟเบอร์ออฟติกกับผู้ให้บริการที่มีคุณภาพนั้น สามารถรับประกันในเรื่องของคุณภาพสายไฟเบอร์ออฟติกและบริการหลังการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว สามารถช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกมีความทนทาน และคุณสมบัติในการส่งข้อมูลได้อย่างมีคุณภาพ

ในกรณีที่หากเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติก เราก็จะยังได้รับการช่วยเหลือและการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัดนั่นเอง ดังนั้นเราควรพิจารณาอย่างละเอียดว่าสายไฟเบอร์ออฟติกที่เรากำลังมองหานั้น เหมาะสมกับการใช้งานอย่างแท้จริงหรือไม่ หากท่านใดที่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกแบบใดดีถึงจะเหมาะกับการใช้งานของเรา แนะนำได้เลยว่าการเลือกใช้บริการปรึกษากับผู้ให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติกโดยตรง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกคุณไม่ควรมองข้ามเลย

 


Editor : Puthon Muangyoo


 
 

This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy